สำหรับใครที่กำลังมีปัญหา ใส่ผ้าอนามัยแล้วคัน แสบ เป็นผื่น หรือมีตุ่มขึ้น คุณอาจกำลังแพ้ผ้าอนามัยโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาสาว ๆ มารู้จัก “อาการแพ้ผ้าอนามัย” เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เกิดจากอะไร มีอาการยังไง ต้องรักษาและป้องกันอย่างไร เพื่อช่วยให้สาว ๆ จัดการปัญหากวนใจได้อย่างถูกต้อง
หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องแพ้ผ้าอนามัย
แพ้ผ้าอนามัย (Pad rash) เป็นอาการระคายเคืองหรืออักเสบของผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศหรือบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอนามัย ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากสารเคมีหรือวัสดุที่ใช้ในการผลิตผ้าอนามัย เช่น เส้นใยสังเคราะห์ สารฟอกขาว สารกันเสีย สารดูดซับของเหลว น้ำหอม เป็นต้น โดยอาการแพ้ผ้าอนามัยเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มักพบในผู้หญิงที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือผู้ที่ใส่ผ้าอนามัยเป็นเวลานาน
สาว ๆ จะรู้สึกคันบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสกับผ้าอนามัย หรืออาจมีผื่นแพ้ร่วมด้วย เป็นอาการแพ้ที่ก่อให้เกิดความรำคาญและกวนใจสุด ๆ
เมื่อผิวหนังที่บอบบางสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือสารก่อการระคายเคืองในผ้าอนามัย จะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง เกิดผื่นแดง บวม แสบร้อน และอาจลอกเป็นสะเก็ดได้
ในบางคนอาจพบตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองขึ้นตรงบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับผ้าอนามัย และอาจมีอาการคันระคายเคืองร่วมด้วย
อาการแพ้ผ้าอนามัยอาจทำให้เกิดอาการตกขาวได้ด้วย โดยสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในผ้าอนามัยจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องคลอด ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดผลิตสารคัดหลั่งออกมามากขึ้น ซึ่งก็คือ “ตกขาว” นั่นเอง
เมื่อผิวหนังบริเวณช่องคลอดสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ในผ้าอนามัยอาจเกิดการระคายเคืองจนทำให้สาว ๆ มีอาการคันช่องคลอดจากการแพ้ผ้าอนามัยได้
หากอาการคันช่องคลอดบริเวณที่แพ้อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจใช้ยาทาบริเวณที่คัน เพื่อช่วยลดอาการอักเสบและช่วยให้อาการคันลดลง โดยแนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา เนื่องจากอาการแพ้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน นอกจากนั้น ยังต้องพิจารณาข้อมูลการใช้ยาร่วมกับยารักษาโรคประจำตัว และข้อมูลการแพ้ยาร่วมด้วย
แต่ถ้าหากสาวๆ มีอาการแพ้ผ้าอนามัยรุนแรง มีอาการเรื้อรังนานหลายวัน หรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป