การคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถวางแผนครอบครัวได้ง่าย ลดปัญหาการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมได้เป็นอย่างดี แต่ว่าวิธีการคุมกำเนิดในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายวิธีมาก แต่ละวิธีก็มีประสิทธิภาพในการช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์แตกต่างกันไป ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าหากทำหมันแล้วจะไม่สามารถมีบุตรได้อีก แต่บางครั้งก็ยังมีข่าวคราวของผู้ที่ประสบปัญหาการตั้งครรภ์หลังจากทำหมันแล้วได้
ขณะเดียวกันการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝัง ก็ได้รับชื่อว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมากในการคุมกำเนิด เราจึงจะมาเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และเทียบกันให้เห็นว่าการฝังยาคุมและการทำหมัน แบบไหนดีกว่ากัน
ยาคุมกำเนิดแบบฝังเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ซึ่งเมื่อใช้การฝังยาคุมแล้วจะช่วยลดดอกาสการตั้งครรภ์ได้นานถึง 3 – 5 ปีนับเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพยาวนาน โดยไม่ต้องมีการรับประทานยาคุมเป็นประจำ ไม่ต้องฉีดยาคุมทุกเดือน จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการลืมรับประทานยาคุม รวมถึงลดปัญหาจากการเสียเวลาได้เป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่สามารถคุมกำเนิดได้อย่างถาวร เมื่อครบกำหนดเวลาฝังยาคุมแล้ว หากต้องการคุมกำเนิดต่อก็จะต้องรับการฝังยาคุมอีกครั้งจากแพทย์
สนใจฝังยาคุมกับเราคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
การทำหมันเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบถาวรที่มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์น้อยกว่า ยาคุมกำเนิดแบบฝัง ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือฮอร์โมนทางเพศแต่อย่างใด สามารถคุมกำเนิดได้ทั้งในชายและหญิง มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีมากๆ การทำหมันในผู้หญิงจะเป็นการผูกและตัดท่อนำไข่ ส่วนการทำหมันในผู้ชายจะผูกและตัดท่อนำเชื้อในถุงอัณฑะ วิธีเหล่านี้ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ไม่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ จึงช่วยให้คุมกำเนิดได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวผลข้างเคียง
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว สามารถปรับเปลี่ยนแผนการคุมกำเนิดได้ตามใจ อาจเลือกคุมกำเนิดแบบ 3 – 5 ปี แต่จะถอดยาคุมออกก่อนก็ได้ ตามต้องการ เมื่อถอดยาคุมแล้วใช้เวลาไม่นานร่างกายก็จะพร้อมกับการตั้งครรภ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วกว่ากรคุมกำเนิดด้วยวีอื่นๆ ส่วนการทำหมันนั้นเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตรอีก เมื่อทำหมันแล้วหากต้องการมีบุตรจะต้องทำการแก้หมัน ซึ่งมีโอกาสสำเร็จน้อยและมีค่าใช้จ่ายสูง
วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็คือ ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เพราะมีอัตราความล้มเหลวน้อยต่ำมาก มีโอกาสล้มเหลวเพียง 0.05% ส่วนการทำหมันในผู้หญิงจะมีอัตราความล้มเหลวประมาณ 0.5% หากเป็นการทำหมันผู้ชายจะคิดเป็น 0.1% ทั้งนี้เนื่องจากการทำหมันในผู้หญิงและผู้ชายนั้น หลังการทำหมันแล้วมีโอกาสที่ร่างกายจะกลับมาฟื้นฟูตัวเองจนพร้อมกับการมีบุตรอีกครั้งได้นั่นเอง
การคุมกำเนิดนั้นเป็นวิธีที่ช่วยให้ป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีไหนที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้แบบ 100% ดังนั้น หากต้องการให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงขึ้นควรใช้วิธีคุมกำเนิดหลายวิธีร่วมกัน เช่น แม้จะมีการฝังยาคุมหรือทำหมันแล้วก็อาจจะใช้ถุงยางอนามัยเพื่อช่วยคุมกำเนิดด้วย เพราะถุงยางนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดก็ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อต่างๆ ได้ดี ช่วยให้เราสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
@qns9056c
อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
เรียบเรียงโดย อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
แก้ไขล่าสุด : 10/07/2023
