การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริมของคนไข้ คือสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อเป็นโรคเริมแล้ว การดูแลตัวเองเพื่อให้อาการดีขึ้นรวมทั้งไม่แพร่เชื้อให้กับผู้อื่น โดยต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการปฏิบัติอย่างถูกวิธีด้วย ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริม
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริมข้อแรก คือ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำลาย น้ำเหลือง บาดแผล สารคัดหลั่งของผู้เป็นเริม ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ผู้ที่เป็นเริมควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กระตุ้นให้เริมกลับมาเป็นซ้ำ ถ้าเริมเป็นซ้ำบ่อยมากกว่า 6 ครั้งต่อปี หรือเริมที่เป็นซ้ำอาการรุนแรง หรือการเป็นซ้ำมีผลลดคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาการรับประทานยาต้านไวรัสทุกวัน เพื่อป้องกันเริมกลับเป็นซ้ำ
ถ้าผู้ที่เป็นโรคเริมเริ่มเป็นใกล้ตา เช่น บริเวณหนังตาหรือคิ้ว ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพราะอาจลุกลามเข้ากระจกตาทำให้ตาบอดได้
ผู้ที่เป็นเริมควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่ควรวิตกกังวลมากจนเครียดเกินไป และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาเป็นเริมซ้ำ ลองศึกษาปัจจัยเสี่ยงโรคเริมเพิ่มเติม
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริม ข้อนี้ไม่ยากค่ะ ควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ ไม่แกะหรือเกาบริเวณที่เป็นตุ่มเริม และรักษาความสะอาดให้ดี ล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสอวัยวะเพศหรือบริเวณที่เป็นโรค
หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศจะสามารถแพร่เชื้อให้คู่นอนได้ จึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ในระหว่างการรักษาก็ควรงด จนกว่าจะรักษาจนหายดีและแผลหายสนิท
สตรีที่ตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์แล้วเป็นเริมควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากอาจมีผลถึงทารกในครรภ์และมีผลขณะคลอดได้ และจะต้องแจ้งให้สูตินรีแพทย์ที่จะทำคลอดทราบเสมอถ้าเคยเป็นเริมหรือคู่สมรสเคยเป็น การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริมข้อนี้ก็ถือว่าสำคัญและไม่ควรละเลยนะคะ
เนื่องจากเริมเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ และอาจจก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามมา จึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ ปีละ 1 ครั้ง
การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นเริม จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและรักษาความสะอาด ทำให้ตนเองมีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงการพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาในเรื่องอื่นๆ ด้วย ถือเป็นปฏิบัติร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ที่จะดูแลให้อาการดีขึ้น
บทความที่น่าสนใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
เรียบเรียงโดย อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
แก้ไขล่าสุด : 14/11/2024
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com