อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการปกติเกิดขึ้นได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน อาจมีอาการมากหรือน้อย แตกต่างกันไป แต่อาการแพ้ท้องไม่ได้น่ากลัวคุณแม่สามารถรับมือได้ แต่หากคุณแม่ท่านใดที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงก็จำเป็นที่ต้องไปพบแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์
หากมีอาการแพ้ท้องมากสามารถไปพบแพทย์ที่คลินิกสูตินรีเวชที่ไปฝากครรภ์ได้ เพื่อจะได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกวิธีค่ะ
หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการแพ้ท้อง
- อาการแพ้ท้อง เกิดจากอะไร
- อาการแพ้ท้อง เป็นยังไง
- สังเกตอาการแพ้ท้องในสัปดาห์แรก จากอะไรได้บ้าง
- จะเริ่มมีอาการของคนแพ้ท้องตอนไหน
- แพ้ท้องกี่เดือนถึงจะหาย
- วิธีรับมือหากมีอาการ
- รู้สึกพะอืดพะอม แก้ยังไง
- แพ้ท้องหนักมากแค่ไหนต้องไปหาหมอ
อาการแพ้ท้อง เกิดจากอะไร
อาการแพ้ท้อง (Morning sickness) เป็นอาการที่เกิดในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (ช่วงอายุครรภ์ 1-3 เดือน) รกจะสร้างฮอร์โมน hCG
โดยระดับฮอร์โมน hCG ที่สูงขึ้น สัมพันธ์กับอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงสภาวะทางจิตใจที่มีความเครียด สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ |
อ่านบทความ : คลินิกสูตินรีเวช คลินิกฝากครรภ์โดยแพทย์เฉพาะทางสูติ
อาการแพ้ท้อง เป็นยังไง
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่สามารถสังเกตอาการแพ้ท้องได้ดังนี้
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- วิงเวียนศรีษะ
- บางคนอาจมีความอยากในการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป
- อาจรู้สึกเหม็น หรือมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นบางกลิ่น
คุณแม่ทั้งหลายมักจะมีอาการแพ้ท้องในช่วงเวลาเช้า เพราะตามที่กล่าวในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าอาการแพ้ท้องนั้นสัมพันธ์กับฮอร์โมน hCG ซึ่งช่วงเช้าเป็นช่วงที่ฮอร์โมนตัวนี้มีความเข้มข้นที่สุดนั่นเอง
สังเกตอาการแพ้ท้องในสัปดาห์แรก จากอะไรได้บ้าง
อาการแพ้ท้องสัปดาห์แรกสามารถสังเกตได้จากขาดประจำเดือน ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมน hCG และเริ่มสร้างรก
“ดังนั้นหากคุณแม่ท่านใดที่มีอาการ ที่เข้าข่ายว่ากำลังแพ้ท้องอยู่นะคะ แพทย์ขอแนะนำให้เข้ารับการ ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์อีกครั้งค่ะ” |
อ่านเพิ่มเติม : ตรวจการตั้งครรภ์หรือตรวจท้อง มีกี่แบบ รู้ผลเร็วสุดกี่วัน?
จะเริ่มมีอาการของคนแพ้ท้องตอนไหน
คุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการแพ้ท้องตอนช่วงอายุครรภ์ 5-6 สัปดาห์ เนื่องจากฮอร์โมน hCG เริ่มมีปริมาณสูงมากขึ้น
แพ้ท้องกี่เดือนถึงจะหาย
อาการแพ้ท้องจะหายได้เองตอนอายุครรภ์ 12-16 สัปดาห์ เนื่องจากอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ จะสร้างฮอร์โมน hCG ลดลง
วิธีรับมือหากมีอาการ
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ควรเริ่มจากการประเมินความรุนแรงก่อน หากอาการไม่รุนแรง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น อาจช่วยลดอาการได้ เช่น
- รับประทานอาหารแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้แน่นท้องมากเกินไป
- ไม่ควรปล่อยให้ท้องว่าง เพราะการปล่อยให้ท้องว่างอาจกระตุ้นให้มีอาการคลื่นไส้ได้
- ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ อาหารแห้ง ขนมปังกรอบ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารมัน อาหารที่มีกลิ่นฉุน อาหารที่มีความเป็นกรดสูง และ อาหารที่มีรสหวานมากๆ
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คลื่นไส้อาเจียน เช่น กลิ่น, ความร้อน, ความชื้น, เสียงดัง และแสงไฟกะพริบ เป็นต้น
- รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของขิง เพราะขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ เช่น น้ำขิง ลูกอม-รสขิง
- พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ
รู้สึกพะอืดพะอม แก้อย่างไร
หากมีอาการรู้สึกพะอืดพะอมให้คุณแม่หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะกลิ่น เสียง ความร้อน อาหารบางชนิดแต่หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นอาการแล้ว แต่พบว่าอาการยังไม่ทุเลาลง
คุณแม่สามารถมาพบแพทย์และปรึกษาเพื่อรับยาที่ช่วยลดอาการได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิตามินบี 6 และยาตามอาการอื่น ๆ
แพ้ท้องหนักมากแค่ไหนต้องไปพบแพทย์
หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรงตลอดเวลา จนกินอะไรไม่ได้ มีภาวะขาดน้ำและอาหาร น้ำหนักลดลงมากกว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ อาจพบความผิดปกติของเกลือแร่, ไทรอยด์ฮอร์โมน และการทำงานของตับร่วมด้วย จนเกิดภาวะแพ้ท้องรุนแรง (Hyperemesis gravidarum) ควรไปพบแพย์เพื่อโดยด่วน เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
แนะนำควรฝากครรภ์ครั้งแรกก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์หรือทันทีเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ เพื่อประเมินความเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ให้คำแนะนำ และวางแผนการฝากครรภ์ได้อย่างเหมาะสม “อาการแพ้ท้อง…รับมือได้ หากเข้าใจ
– แพทย์หญิง สุพรรษา เหนียวบุปผา (แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปประจำคลินิก) –
บทความที่น่าสนใจ
- คลินิกสูตินรีเวช คลินิกฝากครรภ์โดยแพทย์เฉพาะทางสูติ
- ตรวจการตั้งครรภ์หรือตรวจท้อง มีกี่แบบ รู้ผลเร็วสุดกี่วัน?
- ไขข้อสงสัย ฝากครรภ์แต่ละครั้งต้องตรวจอะไรบ้าง
- ฝากครรภ์แล้ว คุณแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างไรในช่วงตั้งครรภ์
พญ.สุพรรษา เหนียวบุบผา
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 24/05/2024
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com