เรื่องของเล็บมักเป็นปัญหาสุขภาพเล็กๆน้อยๆที่คนมองข้าง ไม่ได้มีการดูแลหรือสังเกตความผิดปกติที่เกี่ยวกับเล็บเท่าไร นานๆครั้งถึงจะเจอปัญหาเช่น เล็บขบ จมูกเล็บอักเสบ หรือเกิดอาการเจ็บบริเวณเล็บ
ในบทความนี้อินทัชเมดิแคร์มีวิธีดูแลเล็บ ให้แข็งแรง การตัดเล็บที่ถูกต้องเพื่อให้ทุกคนหันมาสังเกตและดูแลสุขภาพเล็บของตัวเองกันค่ะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิธีดูแลเล็บ
เป็นการอักเสบของผิวหนังบริเวณเล็บนิ้วมือหรือเล็บนิวเท้า เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรังที่นานมากกว่า 6 สัปดาห์ สาเหตุมาจากการกัดเล็บ การทำเล็บ ติดหรือต่อเล็บปลอม ผิวแห้งจน จมูกเล็บฉีก
มักพบในผู้ที่ใช้ผงซักฟอกและน้ำยาล้างจานบ่อยๆ อาการคือเจ็บปวด บวม แดงบริเวณเนื้อจมูกเล็บ ในขณะที่แผ่นเล็บปกติ
เชื้อราที่เล็บ เกิดจากการติดเชื้อราบริเวณเล็บ ได้แก่ เชื้อกลากแท้, เชื้อกลากเทียม, ยีสต์ อาจเกิดที่แผ่นเล็บ เนื้อเยื่อใต้แผ่นเล็บ พบในผู้สูงอายุมากกว่าคนที่อายุน้อย
|
“เล็บ” ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าล้วนต้องการการดูแลเช่นเดียวกับผิวหนังทั่วๆ ไป ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดเล็บทุกวัน โดยมีวิธีดูแลเล็บง่ายๆที่ถูกต้องและสามารถทำได้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงสารเคมี เช่นน้ำยาทาสีเล็บ น้ำยาล้างเล็บ อย่าใช้บ่อยจนเกินไป
อย่าให้มือและเท้าเปียกน้ำหรือแช่น้ำนานๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังมีสภาพเป็นด่าง ซึ่งเปิดโอกาสให้เชื้อ ยีสต์ เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราเจริญเติบโตได้ง่าย ล้างมือล้างเท้าเสร็จแล้วก็ควรเช็ดให้แห้งทันที
หากต้องทำงานหนักให้สวมถุงมือเพื่อป้องกันไม่ให้กระแทกโดนเล็บ
อย่ากัดแทะเล็บหรือใช้เล็บแทนไขควงเวลาจะเปิดกระป๋อง หรืองัดเปิดสิ่งของ
อย่าใช้เล็บขีดข่วนสิ่งต่างๆ เพราะจะทำให้เล็บสึกหรือและเล็บเสีย
อย่ารบกวนบริเวณโคนเล็บเพราะว่าจะเกิดการติดเชื้อง่าย
ตัดเล็บให้ถูกวิธี คือตัดเป็นแนวตรง ไม่ตัดสั้นจนเกินไป ซึ่งการตัดเล็บแนวตรงนี้ช่วยป้องกันการเกิดเล็บขบได้ด้วยนะคะ
การใช้อุปกรณ์ใดๆในการทำความสะอาดเล็บต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นสะอาด ปราศจากเชื้อโรค
อย่างัดหรือแงะบริเวณเล็บด้วยของแข็งๆ
รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ปลา ถั่ว และเมล็ดพืช เป็นต้น เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการบำรุงเล็บ
หากทำตามวิธีดูแลเล็บ ที่อินทัชเมดิแคร์แนะนำแล้วรับรองว่าคุณจะไม่มีปัญหาเรื่องเล็บมากวนใจแน่นอนค่ะ อย่าลืมนำไปทำตามและหมั่นดูแลเล็บให้สุขภาพดีและสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆตามมานะคะ
บทความที่น่าสนใจ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก
เรียบเรียงโดย แพทย์หญิงวรางคณา วิวัลย์ศิริกุล
แก้ไขล่าสุด : 26/03/2024